
หัวแม่เท้าเอียง (bunion) – สาเหตุ, อาการ, การรักษา
18 กุมภาพันธ์ 2018หัวแม่เท้าเอียง (bunion) คือนิ้วเท้าที่บิดเบี้ยวซึ่งไม่เพียงแต่ดูไม่สวยงาม แต่ยังก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด ปัญหาในการขยับ เช่นเดียวกับปัญหาในการเลือกรองเท้า แนวโน้มที่ทำให้เกิดหัวแม่เท้าเอียงอาจเกิดจากพันธุกรรม หรืออาจเป็นผลลัพธ์จากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เช่นการเลือกใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
Contents
หัวแม่เท้าเอียง (bunion) เกิดขึ้นได้อย่างไร?
หัวแม่เท้าที่บิดเบี้ยวนั้น อาจเกิดจากการเสียโฉมของหัวแม่เท้า เกิดจากการใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมพอดี ส้นสูงที่แน่นเกินไป สามารถทำให้เกิดแรงกดที่หัวแม่เท้าได้ เช่นเดียวกับการทำให้เกิดอาการเท้าแบน ลักษณะเฉพาะที่เกิดได้เมื่อใส่เส้นสูง หรือรองเท้าที่มีการออกแบบพื้นด้านในที่ไม่ดี อาการน้ำหนักเกินสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดการแผ่ออกของกระดูกฝ่าเท้า และเกิดการรองรับที่ไม่สมประกอบทั้งสามจุดของเท้า ในกรณีดังกล่าว น้ำหนักตัวนั้นไม่ได้ถ่ายเทลงบนเพียงกระดูกฝ่าเท้าหรือส้นเท้าเท่านั้น แต่ยังคงมีการถ่ายเทลงบนด้านหน้าของเท้าด้วย ในกรณีของส้นสูงที่แน่นเกินไป หรืออาจเป็นทั้งเท้าสำหรับในกรณีของรองเท้าที่แบนและไม่พอดี สำหรับทั้งสองกรณีนั้นจะนำไปสู่อาการเท้าแบนในตอนแรก และเกิดการผิดสภาพมากขึ้นต่อไป ซึ่งเกิดจากการกดทับลงบนหัวแม่เท้า นั่นก็หมายถึงอาการหัวแม่เท้าเอียง และคุณอาจยังมีแนวโน้มที่ทำให้เกิดหัวแม่เท้าเอียงโดยพันธุกรรมอีกด้วย มักจะเกิดขึ้นในผู้คนที่มีเท้าแบบที่เรียกว่าเท้าชาวอียิปต์ (Egyptian foot) หรือมีหัวแม่เท้าที่ยาวกว่า
หัวแม่เท้าเอียงรักษาอย่างไร?
การรักษาหัวแม่เท้าเอียงนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี อาการแรกเริ่มนั้นสามารถเห็นได้ชัด เมื่อเกิดอาการแรกขึ้น คุณควรเข้ารับการรักษาทันที เพื่อที่อาการจะไม่แย่ลง ซึ่งเมื่อแย่ลงนั้น การผ่าตัดจะเป็นตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ คุณอาจใช้แผ่นเจลใส่รองเท้าชนิดพิเศษ แผ่นเจลจะประกอบด้วยน้ำมัน และสามารถปกป้องบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดได้ เมื่อนิ้วเท้าเกิดอาการบิดเบี้ยว การจัดรูปและตัวกั้นสามารถใช้เพื่อคืนตำแหน่งที่ถูกต้องได้ ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บปวดได้เช่นกัน วิธีนี้สามารถใช้ในผู้ที่มีหัวแม่เท้าเอียง เช่นเดียวกับผู้ที่มีการเกยกันของนิ้ว ในอีกทางหนึ่ง การใช้แผ่นสอดรูปหยดน้ำ หรือรูปตัว T สามารถช่วยลดแรงกดบนเท้าด้านหน้า ซึ่งสามารถช่วยได้มากโดยเฉพาะกับสตรีที่สวมรองเท้าส้นเข็ม การใส่พื้นเท้าซิลิโคนสามารถช่วยคุณยกระดับเท้าขึ้รได้ ในกรณีของอาการเท้าแบน และในเวลาเดียวกัน ก็สามารถช่วยแก้ไขภาวะกระดูกหัวแม่เท้าเอียง (hallux valgus) และการใช้สายรัดนั้นก็สามารถช่วยให้คุณคืนสภาพ 3 จุดที่โดนรับแรงของเท้าได้ เช่นเดียวกับการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และป้องกันการผิดเพี้ยนของกระดูกฝ่าเท้า เครื่องมือแก้ไขนั้น สามารถใส่ได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน และมักเห็นผลลัพธ์ที่ดีมากเมื่อใช้แก้อาการหัวแม่เท้าเอียง สามารถช่วยลดอาการเจ็บปวด รวมถึงป้องกันอาการทรุดลง และการเข้าเฝือก Hallu Forte ก็สามารถใช้ในกรณีอาการบวมอักเสบของข้อต่อที่หัวไหล่ (bursitis) เช่นเดียวกับการพักฟื้นหลังจากรักษาอาการนิ้วผิดสภาพ การผ่าตัดคือทางออกสุดท้ายเมื่อรับมือกับโรคหัวแม่เท้าเอียง วิธีการที่ปฏิบัติเพื่อรับมืออาการเจ็บปวดนี้มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ขั้นแรกคือการแก้ไขที่เนื้อเยื่ออ่อน จะปฏิบัติเมื่อการผิดรูปเกิดขึ้นเพียงระดับเล็กน้อย วิธีต่อมาคือการผ่าตัว Chevron osteotomy จะปฏิบัติในกรณที่เกิดอาการเอียงของกระดูกหัวแม่เท้า เช่นเดียวกับการจัดรูปหรือการผ่าตัดแบบครึ่งวงกลม ซึ่งจะมีการตัดส่วนเกินออก หรืออีกทางหนึ่ง วิธีแบบผ้าพัน (scarf) เป็นวิธีที่ใช้หลังการรักษาโดยไม่ต้องเข้าเฝือก ในช่วงระยะเวลา 6 สัปดาห์แรก คุณจำเป็นต้องใช้รองเท้าพิเศษเพื่อจัดรูป
แน่นอนว่าการจัดการปัญหาไปนั้น ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะไม่กลับมา คุณยังคงต้องใส่รองเท้าที่สบายและเหมาะสมพอดี